วัดร้างในเมืองเชียงแสน |
วัดเชตวัน : พงศาวดารโยนกกล่าวว่า ศักราช 998 (พ.ศ.2079) ปี ชวด อัฐศก เจ้าฟ้าสุทโธธรรมราชาทรงบำเพ็ญพระราชกุศล แล้วมีพระราชโองการสถาปนาที่วังนางฟ้ากาเผือก เมืองเชียงแสนเป็น พระอารามขนานนามว่า วัดเชตวัน แล้วอาราธนาพระมหาเถรวัดป่าไผ่ ดอนแท่นมาเป็นเจ้าอาวาส ชาดกเรื่องกาเผือก (พระพุทธเจ้า 5 พระองค์) คัมภีร์ใบลานเรื่องกาเผือก ได้กล่าวไว้ว่า มีพญากาเผือก 2 ตัวผัวเมียทำรังอยู่ที่ต้นมะเดื่อริมฝั่งแม่น้ำต่อมาแม่กาเผือกได้ออกไข่ 5 ฟอง วันหนึ่งเมื่อสองกาเผือกออกไปหาอาหาร เกิดฝนตกฟ้าคะนองพายุใหญ่พัดกระหน่ำ ไข่ทั้งหมด ได้ถูกลมพัดตกน้ำไหลกระจายไปคนละทาง แม่กาเผือกเมื่อกลับมาถึงรังไม่เห็นไข่ ก็พยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ แม่กาเผือกไม่สามารถระงับความอาลัยได้จึงสิ้นใจตาย ด้วยอานิสงส์แห่งความรักเมตตาลูก จึงได้ไปเกิดอยู่แดนพรหมโลกชั้นสุธาวาส ชื่อท้าวฆติกามหาพรหม ส่วนไข่แต่ละฟองก็มีผู้นำไปฟักเลี้ยง และในเวลาต่อมา พระโพธิสัตว์ ทั้ง 5 ก็ประสูติออกจากไข่ ปรากฏเป็นมนุษย์ รูปร่างสวยสดงดงาม ทั้ง 5 พระองค์ พอโตเป็นหนุ่ม ชายทั้งห้า ต่างก็ออกบวชเป็นฤาษี บำเพ็ญบารมีอยู่ในป่า อยู่มาวันหนึ่งได้เหาะไปหาอาหารผลไม้ และบำเพ็ญเพียรธรรมที่ป่าดอยสิงคุตตระปิฎฐา ด้วยเหตุปัจจัยในกุศลบารมีธรรม ฤาษีทั้ง 5 ก็ได้มาพบกัน จึงสอบถามความเป็นมาของกันและกัน จึงได้รู้แต่ว่า แต่ละคนมีแต่แม่เลี้ยง แม่ที่แท้จริงอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จึงได้ร่วมกันตั้งสัจจะอธิฐาน ขอให้ได้พบแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง ด้วยอำนาจธรรมอันบริสุทธิ์ของฤาษีทั้ง 5 คำอธิษฐานจึงดังก้องไปถึงพรหมโลก ท้าวฆติกามหาพรหม (แม่กาเผือก) จึงจำแลงเป็นแม่กาเผือกลงมาปรากฏฤาษีทั้ง 5 ก็รู้ด้วยญาณทัศนะว่า นี่แหละเป็นแม่บังเกิดเกล้าที่แท้จริง ด้วยความสำนึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงของแม่กาเผือก ก่อนจากกัน ฤาษีทั้ง 5 จึงกราบขอรอยเท้าของแม่กาเผือกเอาไว้บูชา แม่กาเผือกจึงนำเอาฝ้ายมาฟั่น เป็นรูปตีนกาให้ไว้ใช้เป็นไส้ประทีปจุดบูชาทุกวันพระ (เป็นที่มาของประเพณีจุดประทีปโคมไฟ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 (เทศกาลยี่เพง ลอยกระทง) ต่อมาฤาษีทั้ง 5 ได้บำเพ็ญบารมีจนได้เก้าพันปีทิพย์ จึงได้เสวยชาติลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ตามลำดับ คือ องค์ที่ 1 มีพระนามว่า พระกกุสันโธ ตามนามแม่เลี้ยงที่เป็นไก่ องค์ที่ 2 มีพระนามว่า พระโกนาคมโน ตามนามแม่เลี้ยงเป็นนาค องค์ที่ 3 มีพระนามว่า พระกัสสโป ตามนามแม่เลี้ยงเป็นเต่า องค์ที่ 4 มีพระนามว่า พระโคตโม(องค์ปัจจุบัน) ตามนามแม่เลี้ยงเป็นโค องค์ที่ 5 มีพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรยโย ตามนามแม่เลี้ยงที่ เป็นราชสีห์ | ||||||
|